***กฎทองแห่งการลงทุน***
-----วอร์เรน บัฟเฟตต์-----
บัฟเฟตต์ ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักลงทุนระดับตำนานเลยก็ว่าได้ เรามาเริ่มข้อแรกกันก่อนครับ
ข้อแรก อย่าขาดทุน
โอ้นี้มัมอะไรกัน ที่บอกว่า อย่าขาดทุน กฎนี้มีความหมายซ่อนอยู่ลึกๆ
บัฟเฟตต์ เขาให้ความสำคัญในเรื่องของการขาดทุน จนถึงกับตั้งเป็นกฎข้อแรก
นั่นแสดงให้เห็นว่า
เขาลงทุนแบบ “Safety First – ปลอดภัยไว้ก่อน” เน้นการ “ไม่เสียเงิน” มากกว่าการ “ทำเงิน”
แทนที่จะ “เล็งผลเลิศ” เพียงด้านเดียวว่าต้องได้กำไรเท่านั้นเท่านี้
ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าเอาไว้
เพราะสิ่งที่ไม่คาดฝันสามารถเกิดขึ้นได้เสมอในตลาดหุ้น “บัฟเฟตต์” ใช้วิธี “เล็งผลร้าย” ไว้ก่อน
ด้วยการประเมินว่า ถ้ามีปัจจัยเลวร้ายเกิดขึ้นมา เขาจะเสียหายหรือไม่เพียงใด
เพื่อจะได้เผื่อความปลอดภัยในการลงทุนเอาไว้
ครั้งหนึ่ง “บัฟเฟตต์” เคยให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ไว้ว่า
“ผมมักมองถึงผลลบหรือ Downside ของการลงทุนก่อนเสมอ หมายความว่าถ้าคุณไม่ขาดทุน คุณก็สามารถทำกำไรได้”
ด้วยมุมมองนี้เองที่ทำให้เขาสามารถยืนหยัดอยู่บนถนนการลงทุนมาได้อย่างยาวนาน
นอกจาก “บัฟเฟตต์” แล้ว
เซียนหุ้นชื่อดังท่านอื่นๆก็มีความเห็นในทำนองเดียวกัน
“แอนโทนี่
โบลตัน” ผู้จัดการกองทุนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศอังกฤษ กล่าวว่า
งานของนักลงทุนมืออาชีพ ไม่ใช่แค่การมองหาหุ้นดีๆ
แต่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงหายนะด้วย
“วิลเลียม
โอนีล” เซียนหุ้นเจ้าของผลงานหนังสือ “How to Make Money in Stocks” กล่าวว่า เคล็ดลับของการประสบความสำเร็จในตลาดหุ้น
ไม่ใช่การซื้อหุ้นถูกตัวทุกครั้ง
แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่การขาดทุนให้น้อยที่สุดเมื่อคุณคิดผิด
เหตุผลที่ต้องระมัดระวังกับ
“การขาดทุน” อีกประการหนึ่งก็คือ
การขาดทุนทำให้ “เงินต้น” หดหาย ซึ่งการจะกอบกู้กลับมาได้นั้นทำได้ยากกว่าตอนที่เสียไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าคุณนำเงินก้อนหนึ่งไปลงทุน แล้วปรากฏว่าขาดทุนไป 50% เท่ากับเงินลงทุนของคุณเหลือเพียงครึ่งเดียว
การที่คุณจะใช้เงินลงทุนที่เหลืออยู่ไปทำกำไรให้ได้เงินกลับมาเท่าเดิมได้
คุณจะต้องทำกำไรให้ได้ถึง 100% หรือกำไร
1 เท่าตัว ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
แม้แต่พ่อมดการเงินผู้ยิ่งใหญ่อย่าง “จอร์จ โซรอส” ก็ยังมีกฎว่า
จงรักษาเงินต้นไว้ให้ได้เสมอ เขาเปรียบเปรยว่า การขาดทุนไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงใด
ทำให้เขารู้สึกเหมือนเดินถอยหลังกลับไปสู่จุดต่ำสุดของชีวิตอีกครั้ง
เพราะฉะนั้นในการลงทุนจึงไม่ควรจับจ้องอยู่แต่เพียงผลกำไร
จนมองข้ามปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เราขาดทุน
กฎที่ว่า “อย่าขาดทุน” ของ “บัฟเฟตต์” นั้น
อีกมุมหนึ่งก็เหมือนเป็นการเตือนสตินักลงทุนว่า การลงทุนแต่ละครั้ง
ควรทำด้วยความรอบคอบ ศึกษาข้อมูลให้ดี
มีการวิเคราะห์อย่างรอบด้านเพื่อให้เกิดความผิดพลาดน้อยที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม
ในยามที่เกิดปัญหาหรือวิกฤติหนักๆ ก็อาจเป็นเรื่องสุดวิสัยที่นักลงทุนจะหลีกเลี่ยงจากสภาวะขาดทุนได้
ซึ่งเรื่องนี้ “บัฟเฟตต์” มองว่า นักลงทุนอาจขาดทุนในระยะสั้น
แต่ในระยะยาวแล้วไม่ขาดทุนอย่างถาวรแน่นอน
ถ้าลงทุนอย่างรอบคอบและเผื่อความปลอดภัยเอาไว้เป็นอย่างดี
ขอบคุณข้อมูลจากthaivi
ขอบคุณข้อมูลจากthaivi
ส่วนกฎข้อที่สอง อย่าลืมข้อแรก !!
ห้ะ!!!อะไรจะขนาดนั้น คูณปู่บอกหลานๆ ทุกคนควรเอาไปปรับใช้กันบ้างหล่ะ หวังว่าจะได้รับความรู้กันไม่มากก็น้อยเดียวจะหาบทความดีๆมาเล่าสู่กันฟังอีกครับ Myfxthai
ถ้าชอบก็กดแชร์ได้เลยครับ